นางสาวไทยปี 2565 กับบทบาทครูอาสาที่ไม่ควรมองข้าม
ผู้หญิงกับความสวยความงามเป็นของคู่กัน แต่นอกจากรูปลักษณ์ที่คนให้ความชื่นชมแล้ว สิ่งที่ผู้หญิงพยายามผลักดันมาโดยตลอดคือการมีบทบาทมากขึ้นในสังคม เวทีการประกวดนางงามต่าง ๆ หลายเวทีก็จัดขึ้นเพื่อเป็นสถานที่ที่ให้สาวงามได้แสดงความคิดเห็น ทัศนคติ และเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้หญิงคนอื่น ๆ บนโลก
มานิต้ากับบทบาทการเป็นครูอาสา
นางสาวไทยปีล่าสุด (2565) ถือว่าทุบสถิติหลายอย่าง ที่เด่นชัดที่สุดคือการเป็นสาวลูกครึ่งหลังจากเวทีนางสาวไทยไม่มีลูกครึ่งชนะการประกวดมาก่อนเลย
ประวัติของมานิต้า
นางสาวไทยคนที่ 53 ของประเทศไทยชื่อว่า มานิต้า ดวงคำ ฟาร์เมอร์ เป็นสาวไทยเชื้อสายอเมริกัน เธอเกิดและเติบโตในจังหวัดภูเก็ต มีความชำนาญการใช้ภาษาไทยได้เป็นอย่างดี และเข้าใจปัญหาสภาพสังคมและแนวคิดของคนในสังคมได้อย่างชัดเจน
คุณสมบัติอันโดดเด่นที่ทำให้มานิต้าได้รับรางวัลมาจากการแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเป็นคนไทย เธอมีแม่เป็นคนเชียงรายจึงมีโอกาสเรียนรู้วัฒนธรรมชาวเหนือ และการเติบโตที่ภูเก็ตทำให้เธอเข้าใจวัฒนธรรมใต้ด้วย ประกอบกับบทบาทครูอาสาที่ตรงกับบริบทของเวที ทำให้เธอได้รับเลือกเป็นนางสาวไทย
มานิต้าและการเป็นครูอาสา
มานิต้า หรือนิต้าเรียนจบจากวิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ในคณะ Communication Art ทำให้เธอมุ่งมั่นที่จะสอนเด็กนักเรียนเกี่ยวกับการสื่อสารภาษาอังกฤษ โดยนิต้ามีอาชีพประจำอยู่แล้ว แต่เลือกที่จะมาเป็นครูอาสาควบคู่ไปด้วย เพราะมีความสุขที่ได้ให้ความรู้แก่เด็ก ๆ และต้องการหยิบยื่นโอกาสให้เด็กหลากหลายมากขึ้น เพราะเด็กบางคนอาจจะชื่นชอบภาษาอังกฤษ แต่ขาดแหล่งเรียนรู้ที่เข้าถึงได้
ไฮไลต์ที่สำคัญบนเวทีประกวด
มานิต้ามีไฮไลต์และภาพจำหลายอย่าง เพราะมานิต้าถือว่าเป็นตัวเต็งในการประกวดครั้งนี้เป็นอย่างมาก ไม่ว่าโพลใดก็จะต้องเข้ามาในท้อป 5 ในดวงใจเสมอ สาเหตุที่ทำให้เธอได้รับความสนใจมากจาก
- ใบหน้าลูกครึ่งทรงเสน่ห์
ใบหน้าของมานิต้ามีความฝรั่งสูงมาก แต่เติบโตที่ไทยจึงพูดไทยชัดมากเช่นกัน ความมีเสน่ห์ที่แม้หน้าตาจะไม่ได้ออกทางไทยนิยมทำให้มีกลุ่มแฟนคลับเอาใจช่วย
- การตอบคำถามพิมพ์ใจ
รอบตอบคำถามเป็นสิ่งที่คนดูมักจะให้ความสำคัญกับการประกวดสาวงามแต่ละเวที เพราะช่วยแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการพูดและการถ่ายทอดทัศนคติได้เป็นอย่างดี ซึ่งมานิต้ามีจังหวะการพูดที่ดี คนชื่นชอบ
- ชุดราตรีสวยทุกชุด
ศักยภาพด้านการแสดงตัวตนบนเวทีและการสร้างความโดดเด่นก็เป็นสิ่งที่นางงามไม่ควรมองข้าม โดยมานิต้าก็เลือกชุดราตรีที่เข้ากับตัวเอง มีความหรูหราและโดดเด่น คนจึงชอบติดตามชุดในการประกวดของมานิต้าด้วย
การประกวดนางสาวไทยจบไปแล้ว แต่เสน่ห์ของนางสาวไทยปีล่าสุดอย่างมานิต้า ดวงคำ ฟาร์เมอร์ก็ได้รับการบอกต่อไม่มีสิ้นสุด
คำถามเรื่องการศึกษาที่น่าสนใจบนเวทีนางสาวไทย 2565
นอกจากนางสาวไทยปีนี้จะเกี่ยวข้องกับการศึกษาแล้ว คำถามบนเวทีการประกวดก็มีประเด็นการศึกษาให้ได้ฟังกันหลายข้อ และผู้เข้าประกวดหลายคนก็สามารถถ่ายทอดมุมมองออกมาได้ดี ดังนี้
มีคำถามหนึ่งในรอบ 5 คนสุดท้ายถาว่า ในสังคมไทยเราพูดกันอยู่เสมอถึง “ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา” หากคุณเป็นนางสาวไทย คุณคิดว่าหน้าที่นี้จะช่วยสนับสนุนหรือแก้ไขปัญหาที่เป็นรูปธรรมในเรื่องนี้ได้อย่างไร?
ประเด็นนี้วนิดา ดอกกุหลาบ ผู้เข้าประกวดหมายเลข MT 18 ได้ตอบว่า การศึกษามีความสำคัญ และเธอหวังที่จะเข้ามาวางรากฐานระบบการศึกษาให้ครอบคลุมเด็กทุกกลุ่ม ทั้งเด็กในเมืองและเด็กในชนบท เพราะเด็กเหล่านี้คืออนาคตของชาติที่จะมาขับเคลื่อนการศึกษาต่อไป
การศึกษาเป็นพลังขับเคลื่อนที่มีความสำคัญมากในโลก หลายฝ่ายให้ความสนใจกับประเด็นการศึกษาเป็นอย่างมาก เพราะการศึกษามีปัจจัยหลายอย่างที่สนับสนุนให้มีผลกระทบต่อทิศทางของประเทศ ทั้งการเกี่ยวข้อกับเยาวชนโดยตรง ผู้ซึ่งสามารถเปลี่ยนทิศทางของประเทศได้ และบทบาทการเป็นตัวกลางในการจัดสรรความรู้ที่มีคุณภาพออกสู่สังคม ความสำคัญของการศึกษาที่มากมายเช่นนี้ ทำให้การศึกษาได้รับการหยิบยกมาพูดบนเวทีการประกวดแนวหน้าเสมอ